Page 22 - ThaiVersion
P. 22

ความประทับใจแห่งเบาว์ริง
                 ในปี ค.ศ.1855 เซอร์จอห์น เบาว์ริง (Sir John Bowring) นักการทูตอังกฤษได้เดินทางเข้ามาในกรุงเทพเพื่อ
                 เจรจาสนธิสัญญาฉบับใหม่และมีอำานาจในการบังคับให้คนไทยรับในข้อตกลง  แต่เขาได้เกิดความประทับใจ

                 ในไมตรีจิตและการต้อนรับอย่างอบอุ่นของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งภายหลังได้กลายเป็น
                 มิตรแท้ตลอดช่วงชีวิตของเขา ความประทับใจนี้ยังได้ถูกถ่ายทอดในหนังสือชุดที่ 2 ราชอาณาจักรและราษฎร
                 สยาม (The Kingdom and People of Siam)

                 วัน 4 เดือนเมษายน

                 ผู้ว่าราชการเมืองปากน้ำาเป็นชาวจีน  เราจึงใช้ภาษาจีนกลางสื่อสารกับครูที่สอนภาษาจีนซึ่งท่านได้แปลเป็น
                 ภาษากวางตุ้ง  จากนั้นชายชาวกวางตุ้งได้แปลเป็นภาษาฮกเกี้ยนและในที่สุดจากฮกเกี้ยนเป็นภาษาไทย  ใน
                 บริเวณแม่น้ำาเต็มไปด้วยป่าโกงกาง  ในแม่น้ำาคือสถานที่ตั้งของป้อมซึ่งเห็นได้ชัดเจนที่กลางน้ำาและมีลักษณะ
                 คล้ายเจดีย์สีขาว  (พระเจดีย์กลางน้ำา)  ธงจำานวนหลากสีที่อยู่เหนือเหล่าต้นไม้สีเขียวปรากฏเป็นภาพที่

                 สวยงาม  ในเวลา  12  นาฬิกา  เรือหลวงไทยจำานวน  8  ลำาพร้อมด้วยเรือติดตามได้เข้ามารับเราเข้าไปยัง
                 พระนคร  เรือลำาของข้าพเจ้านั้นยิ่งใหญ่งดงามไปด้วยสีทองเหลืองอร่าม  บนเรือมีธงสองอันที่ประดับตกแต่ง
                 อย่างสวยงาม ที่หางเรือคือพรมผืนใหญ่และม่านสีสักหลาดและสีทอง เรือนั้นประดับไปด้วยสีทองทั้งลำาและ
                 มีหางคล้ายกับหางปลา  เรือหลายลำาได้ถูกตกแต่งให้มีลักษณะคล้ายปลาซึ่งมีนัยน์ตาอยู่ทางท้ายเรือและมี

                 หางที่ยาวออกไป…บทเพลงหนึ่งได้ถูกขับขานออกมา “พายไป พายไป ข้าได้กลิ่นของข้าว” – ซึ่งหมายถึงมื้อ
                 อาหารหลังจบการเดินทาง  บนเรือมีฝีพายประมาณ 20-40 คน แต่งกายด้วยสีแดงสลับกับสีเขียวและขาว
                 ข้าพเจ้ากะคร่าวๆว่าทั้งหมดนี้ได้ใช้กำาลังคนประมาณ 500 นาย ภาพแม่น้ำาที่ปรากฏนั้นสวยงามและอุดมไป
                 ด้วยพืชพรรณไม้  กระท่อมไม้ไผ่ปรากฏอยู่ท่ามกลางสีเขียวของใบไม้  เป็นความสวยงามตามธรรมชาติที่ไม่

                 สามารถลอกเลียนได้    ผลไม้และดอกไม้ออกดอกผลอยู่บนกิ่งก้าน  แม้แต่สัตว์ป่าต่างไม่หวั่นเกรงในยามที่
                 เราเฉียดใกล้ ฝูงปลาแหวกว่ายอยู่ในบริเวณใกล้ฝั่ง หมู่นกบ้างต่างยืนมองเราผ่านไป บ้างได้โบยบินอยู่เหนือ
                 ท้องฟ้ารอบตัว ในขณะที่เราเข้าใกล้พระนคร เรือนแพซึ่งทำาจากไม้ไผ่ดูเหมือนจะมีจำานวนมากขึ้น ซึ่งเรือนแพ
                 เหล่านี้เป็นทั้งร้านค้าและที่อยู่อาศัยในเวลาเดียวกัน  ในด้านหน้าของคฤหาสน์ที่ใหญ่โต เรายังได้สังเกตุเห็น

                 บรรดาสุภาพสตรีจำานวนมากที่กำาลังเฝ้ามองขบวนของเรา  หนึ่งในนั้นคือภริยาของเจ้าเมืองซึ่งกำาลังชี้มาทาง
                 เรา  ภิกษุสงษ์จำานวนหลายรูปได้นั่งอยู่บนแพหน้าวัด  เราได้มาถึงประมาณ  6  นาฬิกา  รอบข้างมีหิ่งห้อย
                 ส่องแสงระยิบระยับและได้ยินเสียงของตุ๊กแกดังอยู่เป็นระยะๆ  สลับกับเสียงอีกาและสุนัขจรจัด    รอบตัวคือ
                 บรรยากาศที่เป็นธรรมชาติยิ่งนัก มีทั้งสัตว์ แมลง ต้นไม้และสิ่งมีชีวิตต่างๆที่มีชีวิตชีวา  เจ้าเมืองได้ส่งดอกไม้

                 อันสวยงามและผลไม้หลากชนิดมาให้ข้าพเจ้า

                 วันที่ 5 เมษายน
                 ในช่วงกลางวัน เราได้ไปเยือนเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในพระนคร ประดับด้วยระฆังที่แขวนอยู่โดยรอบ ยามที่ลดพัด
                 เสียงของระฆังที่ดังอย่างไม่เป็นจังหวะฟังดูไม่ค่อยอภิรมณ์เท่าใดนัก


                 วันที่ 11 เมษายน
                 ระหว่างการล่องเรือ เราได้เห็นช้างกำาลังอาบน้ำา ซึ่งมีช้างเผือกรวมอยู่ในนั้น แต่สีของมันไม่ใช่สีขาว แต่ออกไป
                 ทางสีอิฐ.... เรายังได้เห็นไก่ชนกำาลังต่อสู้กัน
   17   18   19   20   21   22   23   24   25   26   27