Page 20 - ThaiVersion
P. 20
ในปีเดียวกัน บริษัทเชลล์ยังได้จัดทำา “คู่มือแนะนำาอุทยานแห่งชาติในประเทศไทย” ซึ่งตีพิมพ์ทั้งภาษาไทยและอังกฤษ
และได้รวบรวมเนื้อหาของอุทยานแห่งชาติในเมืองไทยจำานวน 42 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งในปัจจุบันเมืองไทยมีอุทยาน
แห่งชาติทั้งสิ้นรวม 127 แห่ง และแบ่งเป็นอุทยานทางทะเล 22 แห่ง อุทยานแห่งชาติเหล่านี้อุดมไปด้วยดอกไม้
พันธ์พืชและสัตว์นานาชนิดและได้เป็นสถานที่อยู่อาศัยสำาหรับสัตว์หลากหลายสายพันธุ์ ซึ่งกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว
ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาสัมผัสกับความงามของธรรมชาติ อุทยานแห่งชาติที่มีชื่อเสียง ได้แก่ อุทยานแห่งชาติ
เขาใหญ่ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานและอุทยานแห่งชาติภูกระดึง
สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือจำานวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในเมืองไทยได้ช่วยประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับเมืองไทยผ่านการ
บอกเล่าปากต่อปากซึ่งเป็นเครื่องมือประชาสัมพันธ์ที่ดียิ่งกว่าการโปรโมทใดๆ ทำาให้เมืองไทยจึงกลายเป็นเมืองที่เป็น
ที่รู้จัก กลุ่มคนที่มีบทบาทในการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับเมืองไทยหลักๆคือ ทหารอเมริกาที่ประจำาในปี ค.ศ. 1960
(ซึ่งหลายคนได้เกษียนอายุที่เมืองไทย) อาสาสมัครหน่วยสันติภาพสหรัฐอเมริกาและอังกฤษและยังมีอาสาสมัครจาก
ชาตือื่นๆ รวมถึงบรรดามิชชันนารีที่ได้เดินทางกลับไปยังประเทศบ้านเกิด
อีกสิ่งที่ไม่สามารถมองข้ามในการเผยแพร่วัฒนธรรมไทย คือ บรรดาร้านอาหารไทยที่เปิดในต่างประเทศในช่วงปี
ค.ศ. 1980 และในเวลาไม่ถึงทศวรรษ อาหารไทยได้ก้าวขึ้นมาเป็นอาหารชั้นนำาของโลก และได้รับความนิยมอย่าง
ยิ่งในหมู่นักท่องเที่ยวจนต้องหาโอกาสเดินทางเข้ามาชิมในประเทศไทย หลายคนได้ลงเรียนวิชาการทำาอาหารไทย
เพื่อกลับไปทำายังบ้านเกิดตนเอง
เมื่อประเทศไทยได้รับความนิยมด้านการท่องเที่ยวส่งผลให้ธุรกิจการบิน โรงแรมและภาคการท่องเที่ยวเติบโตอย่าง
รวดเร็วเพื่อดึงดูดชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามา ในปี ค.ศ. 1960 ได้มีการก่อตั้งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่อรองรับ
กับการเติบโตของจำานวนนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้ามาในเมืองไทยและมีจำานวนเพิ่มขึ้นโดยตลอดระยะเวลากว่า 50 ปี
มุมมองของชาวเปอร์เซียนในปี ค.ศ. 1680
อิบนุ มูฮัมหมัด อิบราฮิม (Ibn Muhammad Ibrahim) ชาวเปอรืเซียนที่ได้เดินทางเข้ามาในไทยในปี ค.ศ.
1680 ได้บันทึกข้อสังเกตุของเขาไว้ในหนังสือสำาเภาของกษัตริย์สุไลมาน (The Ship of Sulaiman) ซึ่ง
ภายหลังได้ตีพิมพ์ในลอนดอน เราได้เดินทางมาทางเรือและเพียงหนึ่งวันเราได้มาถึงเมืองซูฮาน [กรุงเทพ]
เมืองนี้อยู่ติดกับชะฮฺร์ นาว์ [อยุธยา] ซึ่งเป็นเมืองที่มีความสวยงามและอุดมสมบูรณ์ สายน้ำาจากแม่น้ำา
ได้ไหลผ่านตัวเมืองและไหลออกไปสู่ทะเล สองฝั่งแม่น้ำาเต็มไปด้วยสวนผลไม้ที่เปิดโล่งไร้รั้วหรือกำาแพงใดๆ
ผู้คนได้ปลูกผลไม้นานชนิดมีตั้งแต่มะนาว ส้ม มะพร้าวและแมงโก รวมไปถึงต้นพลูและไม้สน ผลไม้ของ
สยามทุกชนิดล้วนมีอยู่ในพระนครแห่งนี้ รอบตัวของเราเต็มไปด้วยต้นไม้ที่ไม่เคยได้ร่วงหล่นหรือสัมผัสลม
หนาวแห่งฤดูใบไม้ร่วง ต้นไม้ทุกต้นล้วนเจริญงอกงามเหมือนกับความหวังในวัยหนุ่มสาวที่หล่อเลี้ยงหัวใจ
ในยามชรา ในเมืองอื่นๆต่างมิอาจหลีกเลี่ยงลมหนาวที่พัดพาใบไม้ปลิวหลุดลอยร่วงหล่น แต่พระนครแห่งนี้
ช่างโชคดีเหนือเมืองอื่นใด