Page 59 - ThaiVersion
P. 59
กรุงเทพและรอบทิศถิ่นไทย
เป็นเวลากว่าครึ่งศตวรรษที่ชื่อเสียงของประเทศไทยได้เติบโตจากครั้งหนึ่งที่แทบไม่มีใครรู้จัก (หรือแย่กว่านั้น คือสับสน
กับไต้หวัน) จนกลายมาเป็นที่รู้จักในระดับคนทั่วไป ซึ่งเป็นผลมากจากการประชาสัมพันธ์เชิงรุกรวมถึงความโด่งดัง
ในอาหารไทยและมวยไทย ประเทศไทยได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมเนื่องจากสภาพอากาศที่แจ่มใส
สาธารณูปโภคที่สะดวกสบาย ที่พักอาศัยและสิ่งอำานวยความสะดวกต่างๆที่พัฒนาล้ำาหน้าประเทศเพื่อนบ้านข้างเคียง
ค่าโดยสารที่ค่อนข้างถูก ชื่อเสียงทางด้านการต้อนรับและบริการ กิจกรรมการท่องเที่ยวที่หลากหลายรวมทั้งอัตลักษณ์
ทางภูมิศาสตร์และวัฒนธรรมที่โดดเด่นของแต่ละภูมิภาคในประเทศไทย
กรุงเทพ
ในปี 1950 จำานวนนักท่องเที่ยวในไทยมีประมาณ 5,000 – 10,000 คนต่อปี (ซึ่งเป็นจำานวนโดยประมาณเนื่องจาก
ยังไม่มีการเก็บตัวเลขเชิงสถิติ) ทริปท่องเที่ยวในเมืองไทยจะเป็นการพักระยะสั้นในกรุงเทพพร้อมกับทริปสั้นๆในต่าง
จังหวัดในสถานที่ท่องเที่ยวที่เฉพาะเจาะจง เนื่องจากการเดินทางโดยเครื่องบินจากยุโรปมายังเมืองไทยนั้นถือว่าเป็น
เส้นทางที่ไกลมากและต้องแวะเปลี่ยนเครื่องหลายรอบ ซึ่งยุโรปเองเพิ่งจะฟื้นฟูจากสงครามโลกครั้งที่สอง ดังนั้น เงิน
ที่ใช้จ่ายเพื่อการเดินทางท่องเที่ยวนั้นยังไม่ค่อยมีในเวลานั้น
เมื่อนักท่องเที่ยวเดินมางมาถึง เขาพบว่ากรุงเทพยังค่อนข้างกระจุกตัว โดยมีสถานที่โดยรอบคือพระราชวังและวัดวา
อารามที่ประดับประดาไปด้วยสีเหลืองทองอร่าม และมีแม่น้ำาที่เต็มไปด้วยเรือหลากหลายชนิดตั้งแต่เรือเอี่ยมจุ๊นที่ใหญ่
โดไปจนถึงเรือแจวที่มีแม่ค้ากับหมวกทรงสูง แต่อย่างไรก็ตาม ถือเป็นเมืองที่ยากต่อการท่องเที่ยว เพราะไม่ได้สร้างขึ้น
มาเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว เป็นเพียงเมืองสำาหรับคนไทยแต่เปี่ยมด้วยเสน่ห์อยู่ภายใน โรงแรมตามมาตรฐานสากลยัง
จำากัดอยู่ที่โรงแรมปรินเซสส์บนถนนตัดใหม่ โรงแรมในเมืองที่มีมาตรฐานระดับโลก ได้แก่ โรงแรมเอราวัณ (สร้าง
ขึ้นในปี 1957) โรงแรมโอเรียนเต็ลริมฝั่งแม่น้ำา โรงแรมรอยัลที่สนามหลวง โรงแรมเดอะ แอตแลนตาบนถนน
สุขุมวิท และโรงแรมทรอคาเดโรที่ถนนสุรวงศ์ซึ่งเป็นโรงแรมแห่งแรกในประเทศไทยมีเครื่องปรับอากาศ ซึ่งจัดเป็น
โรงแรมที่มีความหรูหราและทันสมัยมากแห่งหนึ่งในสมัยนั้นซึ่งมีน้อยโรงแรมที่ต่ำากว่าโรงแรม4 ดาวจะมีและยังรวมถึง
ลิฟต์โดยสาร ซึ่งแทบไม่มีในโรงแรมใดเลย
การเนรมิตเมืองไทยให้กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวนั้นเป็นภารกิจที่ยากเป็นอย่างยิ่ง แม้กระทั่งในปัจจุบัน ที่การจราจร
ติดขัดมาก การเดินทางยังวุ่นวายเต็มไปด้วยการต่อรองราคาทั้งกับสามล้อ (ซึ่งถูกยกเลิกไปในปี 1959) รถราง (ขบวน
สุดท้ายคือในปี 1968) การเดินทางด้วยแท๊กซี่ยังต้องอาศัยการต่อรองราคากับคนขับซึ่งมีจำานวนน้อยที่สามารถพูด
ภาษาอังกฤษได้และปฏิเสธที่จะเปิดมิเตอร์โดยสาร (ทำาให้ราคาค่าโดยสารในช่วงฝนตกมีราคาสูงขึ้น) รถแท๊กซี่ขนาด
เล็ก (โดยเฉพาะรถตุ๊กตุ๊กเป็นที่นิยมมาก) ค่อนข้างแออัดและไม่มีแอร์ อีกทางเลือกหนึ่งคือรถบัสโดยสารซึ่งไม่มีแผนที่
เป็นภาษาอังกฤษจนกระทั่งปี 1966 เมื่อนิตยสารซันเดย์ แบงก์คอก สแตนดาร์ด (Sunday Bangkok Standard
magazine) ได้เริ่มจัดทำา นอกจากนี้ คู่มือท่องเที่ยวที่น่าเชื่อถือยังเป็นสิ่งที่หาได้ยาก